• ตอบกระทู้
  • ตั้งกระทู้ใหม่
QUOTE 

ทำไมต้องช่วงล่าง ถุงลม ?

เจ้าของร้าน

สวัสดีครับผม ธนาธรณ์ กูรู H-1

ผมมีข้อดีช่วงล่างระบบเทพ อย่างถุงลมมาแนะนำ

รายละเอียดด้านล่างนะจ๊ะ ๆๆๆๆๆ

-------------------------------------------------------------------

ระบบนี้ไม่ได้มีเฉพาะ H-1 , Starex นะครับ

หลายๆรุ่นก็นิยมติดกัน แม้จะแพงกว่าระบบ "คอยสปริง" มาก

เช่น civic    http://www.civicesgroup.com/forum/topic7944

      camry   http://www.camrysociety.com/site/index.php?topic=32.0

      jazz    http://www.hondajazz-club.com/smf/index.php?topic=367640.0;prev_next=prev

 

และรุ่นอื่นๆ citron  commuter  

**ข้อดีคือมันนิ่ม แต่ก็แลกกับราคาที่ค่อนข้างสูง

ตั้งแต่  50,000  -   100,000

-------------------------------------------------------------------

*****สาระน่ารู้

ความรู้เรื่องช่วงล่างระบบถุงลม สำหรับสาวก ชอบนิ่ม

 
AIR SUSPENSION  คือ ช่วงล่างระบบถุงลม ทั้งนี้จริงๆ แล้วก็ใช่ว่าระบบ  AIR SUSPENSION จะจำเพาะเจาะจงเอาไว้ใช้กับรถยนต์ที่ตกแต่งในแบบ VIP เท่านั้น ทว่าระบบช่วงล่างถุงลมที่ว่านี้  สามารถนำไปใช้กับรถยนต์ได้ทุกรุ่นทุกแบบทีเดียว  และการเปลี่ยนระบบช่วงล่างมาเป็นระบบถุงลม ก็ไม่ใช่ว่าจะน่ากลัว หรือมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามากกว่า ระบบช่วงล่างแบบโช๊คอัพ+คอยล์สปริง ตามปกติที่เราเห็นกันในรถยนต์ทั่วไป

อุปกรณ์หลักๆ ที่ต้องใช้หากคิดจะติดตั้ง "ช่วงล่างระบบถุงลม" คือ
- ปั๊มลม  ถังเก็บลม  ตัวถุงลม  ช็อคอัพ  โซลินอยด์วาล์ว
ขั้นตอน การติดตั้ง "ช่วงล่างระบบถุงลม" ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ยุ่งยาก  หรือมีการดัดแปลง เจาะตัวรถให้เสียหายแต่อย่างใด โดยมีขั้นตอนดังนี้
 - จุดยึดของ ช็อคอัพ ยังคงอยู่ที่เดิม จากนั้นจึงถอด ช็อคอัพ นำไปตรวจเช็ค  ซึ่งหากมีปัญหา ก็ต้องจัดการแก้ไขให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
-  จากนั้นนำเอาไปประกอบเข้ากับถุงลม  โดยการเลือกใช้ถุงลม  ก็ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ของรถยนต์  แต่ละรุ่นว่าควรเลือกใช้ถุงลมใด แบบใด เพื่อให้เหมาะสมที่สุด
- จากนั้นจึงเดินสาย และต่อเชื่อมระบบปั๊มลม-ถังเก็บลม  และถุงลม ก็เป็น ก็เป็นอันใช้งานได้
ทั้งนี้ระยะเวลาการติดตั้งระบบถุงลม หากมีการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้เรียบร้อย ก็ใช้เวลาติดตั้ง รวมทั้งทดสอบการใช้งานก็ราว 2-3 วัน

สำหรับเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน  ระบบถุง สามาถช่วยเพิ่มฟังก์ชั่น ในการยกตัวรถขึ้น  และลงได้อย่างสะดวก ขณะที่การยึดเกาะถนน  ยังสามารถให้ประสิทธิภาพได้เหมือนเดิม ที่ใช้ระบบคอยล์สปริง แต่ที่จะดีขึ้นชัดเจนก็คือ ในยามที่มีน้ำหนักบรรทุกมากๆ ระบบช่วงล่างถุงลม  สามารถให้ความนุ่มนวลได้ดีกว่า

ปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นใน "ช่วงล่างระบบถุงลม"
ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องของ จุดด้อย ของระบบถุงลม ทว่าเป็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้  หากว่าอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน   และการติดตั้งที่ไม่ดี ช่างขาดความรู้ ความชำนาญ  เช่น
- ปัญหาถุงลมแตก  ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง  ใช้ประเภทถุงลมไม่เหมาะสม กับลักษณะของช่วงล่างรถในรุ่นนั้นๆ หากใช้งานทั่วไป โดยการติดตั้งที่ถูกวิธี  และอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน แทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลยเนื่องจากถุงลมที่นำมาใช้สำหรับรถยนต์  ทางโรงงานผู้ผลิต ได้ออกแบบมารองรับแรงดันสูงสุด  ไว้ที่ประมาณ 600 psi การนำมาใช้รถยนต์ทั่วๆ ไป แรงดันสูงสุดเต็มที่ไม่เกิน 200 psi  ซึ่งต่ำกว่าแรงดันที่ถุงลมรับได้ถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว
- ปัญหาสายลมรั่ว/แตก  ปัญหาเกิดจาก การใช้สายลมที่ไม่ได้คุณภาพ  และการเก็บงานที่ไม่เรียบร้อย  ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น  และอีกสาเหตุคือ สายลมเสื่อมสภาพ ไม่ได้เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน  ซึ่งปกติควรจะเปลี่ยนทุกๆ ปีครึ่งถึง 2 ปี

- ปัญหาลมรั่วซึมในระบบ  ส่วนใหญ่เกิดจาก มีเศษฝุ่นในระบบ หรือผงเศษเหล็กที่ค้างอยู่ในถุงลมตอนกลึง  หรือโอริงฉีกขาดเป็นต้น  เป็นอาการที่มีโอกาสพบเจอได้บ่อยในช่วงล่างระบบถุงลม  ซึ่งแก้ไขได้ไม่ยาก  ขึ้นอยู่กับความประนีตในการประกอบ  และหากระบบมีการติดตั้งบอลวาล์วเข้าไป  จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี

- ปัญหาปั๊มลมเสีย   ปัญหาเกิดจาก คุณภาพของปั๊มลมที่เลือกใช้  และการใช้งานที่เกินกำลังของปั๊มลม  คือหากเราติดตั้งปั๊มลมเพียงตัวเดียว จะไปกดเล่นต่อเนื่อง แบบรถที่ทำมาโชว์ก็คงไม่ได้  เรื่องพวกนี้ทางเจ้าของรถต้องคุยกับร้านที่ติดตั้งก่อน  เพื่อที่จะวางระบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ปัญหาที่เกิดจากตัวปั๊มลม

ในตลาดตอนนี้มี ปั๊มลม ให้เลือกหลากหลาย มีทั้งของเก่าญี่ปุ่นเอามาบิวท์ใหม่  และของที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ตรงตามสเป็คที่ผู้ผลิตแจ้ง  เนื่องจากต้องการลดต้นทุนของสินค้า  ทางด้านผู้ที่ติดตั้งระบบถุงลมไปแล้ว  ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใส่ใจ และศึกษาเกี่ยวกับวิธีการบำรุงรักษา  เพื่อให้สามารถยืดอายุการใช้งาน ของระบบถุงลม ไปได้นานๆ

วิธีการบำรุงรักษา  
- ควรปล่อยลมออกจากระบบหากไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานาน   เพื่อไม่ให้สายลม และจุดข้อต่อต่างๆ รับภาระหนักตลอดเวลา เป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของสายลมได้
- ควรปิดสวิทช์ไฟทุกครั้งหลังจอดรถเรียบร้อย  เพื่อป้องกันในกรณีที่ปั๊มลม หรือระบบไฟผิดปกติ
- ควรนำรถเข้าตรวจเช็คระบบทุกๆ 6เดือน   เพื่อทำความสะอาดถังลม เอาคราบสนิมที่เกิดจากความชื้น ภายในถังลมออก เปลี่ยนตัวดักความชื้นในระบบ  และตรวจเช็คจุดรั่วซึมและความผิดปกติของระบบ
- หากมีปัญหาการใช้งานหรือรั่วซึม  ควรปรึกษาช่างติดตั้ง  ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน อาจเกิดปัญหาใหญ่ภายหลังได้

ทั้งหมดนี้นับเป็นความรู้ส่วนหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการจะติดตั้ง "ช่วงล่างระบบถุงลม" อีกทั้งยังเป็นข้อมูลให้สามารถตัดสินใจได้ว่า ควรจะติดตั้งหรือใช้ระบบช่วงล่างถุงลมหรือไม่
 
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามรายละเอียดเพิ่ม   คลิก ....
ช่วงล่างถุงลมรถฮุนได hyundai h-1 starex
 
แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

สินค้า Staria และ H1 [236]

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม521,820 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด240,818 ครั้ง
เปิดร้าน22 ต.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท14 ต.ค. 2568

MEMBER

CONTACT US

พูดคุย-สอบถาม